หงส์แดง ลิเวอร์พูล ถล่ม สเปอร์ส 4-0 ลิ่วชิงคาราบาวคัพ

หงส์แดง ลิเวอร์พูล ถล่ม สเปอร์ส 4-0 ลิ่วชิงคาราบาวคัพ
หงส์แดง ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มโหด เปิดบ้านถล่ม ไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 4-0 พลิกสถานการณ์จากเลกแรก ตีตั๋วเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศคาราบาวคัพ

ลิเวอร์พูล 4-0 สเปอร์ส (สกอร์รวม 4-1): กัคโป และ ซาลาห์ มีชื่อบนสกอร์บอร์ด ขณะที่ อาร์เน่ สล็อต พาหงส์แดงเข้าชิงบอลถ้วยครั้งแรก

รายงานการแข่งขัน – ลิเวอร์พูล เจ้าของแชมป์คาราบาวคัพฤดูกาลก่อน โชว์ฟอร์มดุ เปิดบ้านถล่มสเปอร์ส 4-0 พลิกสถานการณ์จากที่แพ้ในเลกแรกและผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศที่เวมบลีย์ อาร์เน่ สล็อต จะได้คุมทีมหงส์แดงลงเล่นรอบชิงบอลถ้วยในประเทศเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เข้ามารับงานแทน เจอร์เก้น คล็อปป์ เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา


ลิเวอร์พูลแซงเข้าชิง หลังถล่มสเปอร์สยับ 4-0

ลิเวอร์พูลแซงเข้าชิง หลังถล่มสเปอร์สยับ 4-0
ลิเวอร์พูลแซงเข้าชิง หลังถล่มสเปอร์สยับ 4-0

ลิเวอร์พูลพลิกสถานการณ์จากที่แพ้เลกแรก 0-1 กลับมาเอาชนะสเปอร์สด้วยสกอร์รวม 4-1 ตีตั๋วเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศคาราบาวคัพที่สนามเวมบลีย์ได้สำเร็จ หลังโชว์ฟอร์มร้อนแรงถล่มทีมเยือนแบบขาดลอย

เกมนี้ โคดี้ กัคโป ยิงประตูที่ 10 ในการลงเล่นในบ้าน 10 นัดหลังสุด ขณะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โดมินิค โซบอสไล และ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ต่างก็มีชื่อเป็นผู้ทำประตูในเกมนี้ ซึ่งช่วยลบล้างประตูของ ลูคัส เบิร์กวาลล์ ที่ทำให้สเปอร์สชนะในเลกแรก พร้อมส่งทีมของ อังเก้ ปอสเตโคกลู พ่ายแพ้ด้วยสกอร์ที่ยับเยินที่สุดนับตั้งแต่เขาเข้ามาคุมทีม


จังหวะสำคัญของเกม

ลิเวอร์พูลลงโทษความผิดพลาดของสเปอร์สในช่วงครึ่งแรก เมื่อ อีฟส์ บิสซูม่า จ่ายพลาดง่าย ๆ จนบอลไปเข้าทางซาลาห์ ก่อนที่เขาจะจ่ายให้ กัคโป ยิงเข้าไปอย่างเด็ดขาด

กัคโป ยิงเข้าไปอย่างเด็ดขาด
กัคโป ยิงเข้าไปอย่างเด็ดขาด

หลังจากนั้น ลิเวอร์พูลก็เดินหน้าไล่ถล่มอย่างต่อเนื่อง ซาลาห์ ซัดจุดโทษเข้าไปหลังจาก อันโตนิน คินสกี้ ทำพลาด จากนั้น โซบอสไล บวกเพิ่มเป็น 3-0 ก่อนที่ ฟาน ไดจ์ค จะขึ้นโหม่งจากลูกเตะมุมของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ปิดกล่องเป็น 4-0

ซาลาห์ ซัดจุดโทษ
ซาลาห์ ซัดจุดโทษ

สเปอร์สซึ่งขาดนักเตะตัวหลักหลายราย ดูเหมือนจะไม่มีแผนการเล่นที่ชัดเจน และการนำอยู่ 1-0 จากเลกแรกกลับทำให้พวกเขาเล่นแบบระมัดระวังเกินไป ซึ่งกลายเป็นหายนะเมื่อเจอลิเวอร์พูลที่ไล่กดดันตลอดทั้งเกม เจมี่ เรดแนปป์ อดีตนักเตะลิเวอร์พูลถึงกับวิจารณ์ว่าฟอร์มของสเปอร์สในเกมนี้เป็น “หายนะ” และ “น่าตกใจ”


ลิเวอร์พูลเข้าชิงกับนิวคาสเซิล หวังคว้าแชมป์ลีกคัพสมัยที่ 11

ลิเวอร์พูลเตรียมเผชิญหน้ากับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ซึ่งเอาชนะ อาร์เซน่อล ด้วยสกอร์รวม 4-0 ในรอบรองฯ โดยนัดชิงชนะเลิศจะจัดขึ้นที่สนามเวมบลีย์ในวันที่ 16 มีนาคม 2025 หากหงส์แดงคว้าแชมป์ได้ จะเป็นการคว้าแชมป์ลีกคัพสมัยที่ 11 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ

ในขณะที่ฝั่งสเปอร์ส ความหวังของปอสเตโคกลูที่จะคว้าแชมป์ในฤดูกาลที่สองเริ่มเลือนลางลงเรื่อย ๆ ทีมของเขาไม่สามารถยิงตรงกรอบได้เลยตลอด 90 นาที และตอนนี้ สเปอร์สยังคงต้องรอคอยแชมป์ถ้วยแรกของพวกเขาต่อไป หลังจากร้างแชมป์มา 17 ปี


เรดแนปป์ วิจารณ์หนัก สเปอร์สไร้ความกระหาย

เจมี่ เรดแนปป์ (Sky Sports) ให้สัมภาษณ์ว่า:

“ผมจำไม่ได้เลยว่ามีทีมไหนที่แพ้โดยไม่สู้เท่าสเปอร์สในวันนี้ พวกเขาไม่มีแม้แต่โอกาสยิงตรงกรอบในการแข่งขันรอบรองฯ นัดที่สอง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของสโมสร”

“ผมรู้สึกสงสารนักเตะบางคน พวกเขาพยายามแล้ว แต่ผู้เล่นที่มีประสบการณ์ควรเป็นคนออกนำและสร้างพลังให้ทีม แต่มันไม่เกิดขึ้นเลย”

“เราผ่านช่วงเวลาที่ย่ำแย่ของสเปอร์สมาหลายครั้ง เช่นเกมกับพาเลซ, อิปสวิช และเอฟเวอร์ตันในฤดูกาลนี้ แต่เกมวันนี้แย่ที่สุด ทั้งสกอร์และรูปเกม นี่คือหายนะของสเปอร์ส”


บทวิเคราะห์: สเปอร์สยุ่งเหยิง – ลิเวอร์พูลไร้ปรานี

ลอร่า ฮันเตอร์ (Sky Sports) วิเคราะห์ว่า:

“ไม่เกินเลยหากจะบอกว่าสเปอร์สแทบไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันเลยในนัดนี้ ภาษากายของผู้เล่นสื่อออกมาว่า ‘เอาผมออกจากสนามที’ ตั้งแต่ช่วงท้ายเกม”

“ลิเวอร์พูลเล่นได้อย่างเฉียบขาดและไหลลื่นมาก แต่สิ่งที่แย่ที่สุดคือ สเปอร์สไม่มีอะไรจะสู้ พวกเขาสร้างโอกาสยิงได้เพียง 0.18 xG ตลอดทั้งเกม และการผ่านบอลในครึ่งแรกทำได้เพียง 88 ครั้ง ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดตั้งแต่ปอสเตโคกลูคุมทีมมา”

“สิ่งที่น่าผิดหวังที่สุดคือความแตกต่างระหว่างเลกแรกกับเลกที่สอง สเปอร์สดูเหมือนจะไม่มีแผนเลย พวกเขาตั้งเกมรับลึกเกินไป และไม่มีความเป็นระบบเลยทั้งเกมรุกและเกมรับ”

“เจมี่ เรดแนปป์” กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมงงกับแท็คติกของปอสเตโคกลูจริง ๆ นักเตะก็ดูสับสนเช่นกัน พวกเขาไม่สามารถควบคุมเกมได้ และสุดท้ายก็เป็นฝ่ายแพ้แบบหมดสภาพ”


สรุปผลการแข่งขัน

📌 ลิเวอร์พูล 4-0 สเปอร์ส (สกอร์รวม 4-1)
ผู้ทำประตู:

  • ลิเวอร์พูล: โคดี้ กัคโป (18′), โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (จุดโทษ 35′), โดมินิค โซบอสไล (58′), เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค (84′)
  • สเปอร์ส:

📊 สถิติสำคัญ:

  • ครองบอล: ลิเวอร์พูล 63% – 37% สเปอร์ส
  • โอกาสยิง: ลิเวอร์พูล 18 (เข้ากรอบ 9) – สเปอร์ส 5 (เข้ากรอบ 0)
  • เตะมุม: ลิเวอร์พูล 7 – สเปอร์ส 2
  • ใบเหลือง: ลิเวอร์พูล 1 – สเปอร์ส 2

บทสรุป: ลิเวอร์พูลโหดต่อเนื่อง – สเปอร์สต้องถอยหลังไปตั้งหลัก

ลิเวอร์พูลยังคงเป็นทีมที่แข็งแกร่งและพร้อมสำหรับการลุ้นแชมป์ พวกเขามีโอกาสคว้าแชมป์คาราบาวคัพเป็นสมัยที่ 11 ส่วนสเปอร์สต้องกลับไปแก้ไขปัญหาหลายจุด ทั้งเรื่องแท็คติก ความมั่นใจ และประสิทธิภาพในเกมใหญ่

📌 นัดชิงคาราบาวคัพ: ลิเวอร์พูล vs นิวคาสเซิล – 16 มีนาคม 2025 ที่เวมบลีย์!

🔗 ที่มา: https://www.skysports.com/

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments
CLOSE
CLOSE
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x