เอฟเอ คัพ ต้องการแชมป์หน้าใหม่: บอร์นมัธ ก้าวขึ้นมาท้าชิง

เอฟเอ คัพ ต้องการแชมป์หน้าใหม่: บอร์นมัธ ก้าวขึ้นมาท้าชิง
บอร์นมัธ กำลังกลายเป็นทีมที่พร้อมที่สุดในการคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ครั้งแรก โดยมีผู้จัดการทีมอย่าง อันโดนี อิราโอลา ที่ไม่ทิ้งการแข่งขันนี้

เอฟเอ คัพ กำลังต้องการแชมป์หน้าใหม่อย่างเร่งด่วน และไม่มีสโมสรใดที่ดูพร้อมคว้าแชมป์ครั้งแรกมากไปกว่า บอร์นมัธ พวกเขามีอาวุธเกมรุกที่อันตรายอย่าง อองตวน เซเมนโย และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพทั้งเกมรุกที่น่าตื่นตาตื่นใจและเกมรับที่แข็งแกร่ง ในเกมที่บุกชนะ เอฟเวอร์ตัน ที่กูดิสัน พาร์ก

ที่สำคัญ พวกเขามีกุนซืออย่าง อันโดนี อิราโอลา ซึ่งไม่ใช่ผู้จัดการทีมที่มองข้ามการแข่งขันรายการนี้เพื่อมุ่งเน้นแค่การลุ้นโควตาแชมเปียนส์ลีก ต่างจากหลายทีมในพรีเมียร์ลีกที่มักโรเตชันนักเตะชุดใหญ่เพราะเห็นความสำคัญของอันดับในลีกมากกว่าถ้วยรางวัลเก่าแก่

ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ปัจจัยทางเศรษฐกิจคือจุดอ่อนของเอฟเอ คัพ หลายทีมในพรีเมียร์ลีกและแชมเปียนชิปมองว่าการอยู่รอดในลีกหรือการเลื่อนชั้นสำคัญกว่าการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ซึ่งส่งผลให้ความศักดิ์สิทธิ์ของถ้วยใบนี้ค่อยๆ จางลง

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของ อิราโอลา และ เดวิด มอยส์ ที่เลือกส่งทีมที่แข็งแกร่งลงเล่นในรอบที่แล้ว แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ พวกเขาเลือกให้ความสำคัญกับการเข้าใกล้เวมบลีย์ มากกว่าผลประโยชน์ทางการเงินจากการแข่งขันลีกที่กำลังดำเนินอยู่

บอร์นมัธ ได้รับเงินรางวัลเพียง 120,000 ปอนด์จากการผ่านเข้าสู่รอบ 5 ซึ่งเป็นตัวเลขที่มหาศาลสำหรับทีมเล็กๆ ในลีกล่าง แต่แทบไม่มีผลกระทบกับทีมระดับพรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรายได้กว่า 40 ล้านปอนด์ที่พวกเขาจะได้รับหากจบอันดับ 7 ของลีกได้สำเร็จ นี่จึงเป็นเหตุผลที่หลายทีมมองว่า เอฟเอ คัพ เป็นเพียงสิ่งรบกวนเป้าหมายหลักของพวกเขา

บอร์นมัธ ก้าวขึ้นมาท้าชิง
บอร์นมัธ ก้าวขึ้นมาท้าชิง

การแข่งขันรายการนี้สูญเสียมนต์ขลังไปเรื่อยๆ เมื่อทีมจากลีกล่างตกรอบหมด ทำให้บรรยากาศไม่ต่างจากงานปาร์ตี้ที่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดผ่านไปแล้ว เพลงเพราะๆ กลายเป็นแค่เพลงเก่า และความตื่นเต้นจากแฟนบอลค่อยๆ จางหายไป

หากย้อนดูรายชื่อแชมป์ตั้งแต่ปี 1989 เป็นต้นมา เราจะพบว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อาร์เซนอล, ลิเวอร์พูล และเชลซี คว้าแชมป์รวมกันถึง 30 ครั้งจาก 35 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการแข่งขันนี้ขาดความหลากหลาย

สิ่งที่เอฟเอ คัพ ต้องการคือการปฏิรูปเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะหลังรอบ 4 เป็นต้นไป หากไม่มีแรงจูงใจทางเศรษฐกิจมากพอ ผลลัพธ์ในเดือนพฤษภาคมก็แทบจะคาดเดาได้ล่วงหน้า

แนวทางแก้ไขที่เป็นไปได้คือ การให้โควตาแชมเปียนส์ลีกเพิ่มขึ้นเป็น 5 ทีมของพรีเมียร์ลีก และกำหนดให้สิทธิ์พิเศษนี้ตกเป็นของแชมป์เอฟเอ คัพ วิธีนี้จะกระตุ้นให้ทีมระดับกลางของพรีเมียร์ลีกให้ความสำคัญกับถ้วยนี้มากขึ้น และสร้างแรงจูงใจให้กับเจ้าของสโมสร

หากไม่มีการเปลี่ยนแปลง เอฟเอ คัพ ก็จะกลายเป็นเหมือนการแข่งขันลูกดอกของ BDO ที่ยึดติดกับประเพณีเก่าๆ ขณะที่พรีเมียร์ลีกกลายเป็นเวทีของ PDC ที่เต็มไปด้วยแสงสีและเงินรางวัลมหาศาล

แน่นอนว่าแฟนบอลยังคงตื่นเต้นกับช่วงเวลาประวัติศาสตร์ เช่น เกมที่ เลย์ตัน โอเรียนท์ สู้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้อย่างสุดมันส์ แต่นั่นเป็นเพียง “โมเมนต์” ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว มากกว่าผลการแข่งขันพลิกล็อกที่แท้จริง

ถึงเวลาแล้วที่สโมสรพรีเมียร์ลีกนอกกลุ่ม “บิ๊กซิกซ์” จะลุกขึ้นมาสร้างประวัติศาสตร์ หากบอร์นมัธสามารถเดินตามรอย เลสเตอร์ ซิตี้ และ วีแกน แอธเลติก ในฐานะแชมป์หน้าใหม่ มันจะไม่ใช่แค่แฟนบอลของพวกเขาที่ได้เฉลิมฉลอง แต่ยังเป็นชัยชนะของฟุตบอลอังกฤษอีกด้วย

ที่มา https://www.telegraph.co.uk/

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments
CLOSE
CLOSE
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x