สามประสานในตำนาน แต่เบื้องหลังไม่ราบรื่นอย่างที่คิด
หากพูดถึงยุครุ่งเรืองของลิเวอร์พูลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คงไม่มีแฟนบอลคนไหนไม่พูดถึง “สามประสานแนวรุก” อันลือลั่น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ชื่อของพวกเขากลายเป็นฝันร้ายของแนวรับทุกทีมในยุโรป ประสานงานกันอย่างลงตัว พาทีมกวาดแชมป์เป็นว่าเล่น
แต่ใครจะคิดล่ะว่า ภายใต้ภาพความสำเร็จนั้น กลับมีรอยร้าวที่ซ่อนอยู่เงียบ ๆ โดยเฉพาะระหว่างสองตัวรุกฝั่งแอฟริกา – ซาลาห์ และ มาเน่
ความตึงเครียดที่ “ระเบิด” ออกมาในเกมกับเบิร์นลี่ย์
ย้อนกลับไปปี 2019 เกมหนึ่งที่ลิเวอร์พูลเจอกับเบิร์นลี่ย์ กลายเป็นภาพจำไปทั่วโลก เมื่อมาเน่ระเบิดอารมณ์ใส่ซาลาห์อย่างไม่เก็บอาการ สาเหตุเพราะซาลาห์ไม่ยอมจ่ายบอลให้ ทั้งที่มีโอกาสทำประตูชัดเจน
แฟนบอลทั่วโลกเห็นภาพนั้นและเริ่มตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ความตึงเครียดมันชัดเจนเกินกว่าจะมองข้ามได้ แม้เพื่อนร่วมทีมจะพยายามกลบเกลื่อน แต่ความรู้สึกของคนดูมันบอกว่า “มันมีอะไรบางอย่างแน่นอน”
ซาลาห์เปิดปาก! ไม่ได้สนิท แต่ยังเคารพกันเสมอ
ล่าสุด โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ออกมาเปิดใจแบบหมดเปลือกถึงความสัมพันธ์กับซาดิโอ มาเน่ ในบทสัมภาษณ์กับสื่อดังอย่าง เลกิ๊ป ของฝรั่งเศส
ซาลาห์ยอมรับแบบตรงไปตรงมาเลยว่า “ใช่ มันมีความตึงเครียดระหว่างผมกับซาดิโอ” แต่เขาก็ย้ำว่า “เราทั้งคู่เป็นมืออาชีพจนถึงวินาทีสุดท้าย ผมไม่คิดว่าความตึงเครียดนั้นจะส่งผลต่อทีม”
พูดง่าย ๆ คือ แม้จะไม่ใช่เพื่อนซี้ แต่ก็รู้หน้าที่ของตัวเองในสนาม และพยายามไม่ให้เรื่องส่วนตัวมากระทบผลงานของทีม
นอกสนามไม่สนิท แต่ในสนาม “เคมี” ยังใช้ได้
ซาลาห์ยังเสริมอีกว่า “เขา (มาเน่) เป็นนักสู้ ผมเข้าใจนะว่านักเตะทุกคนก็อยากทำประตู อยากได้มากกว่านั้น แต่เรายังเคารพกันอยู่เสมอ แม้จะไม่ได้สนิทนอกสนามก็ตาม”
หลายคนอาจจะรู้สึกเซอร์ไพรส์ เพราะเราเคยเห็นพวกเขาฉลองประตูด้วยกันหลายครั้ง แต่อย่างที่ซาลาห์พูดไว้ “บางครั้งสิ่งที่คนเห็น มันก็ไม่ใช่ทั้งหมดของความจริง”
ซาลาห์ตอบโต้ข้อกล่าวหา – “ผมแอสซิสต์ให้มาเน่มากที่สุดนะ!”
หนึ่งในประเด็นที่แฟนบอลมักพูดถึงคือ “ซาลาห์เห็นแก่ตัว ไม่จ่ายบอลให้มาเน่” แต่เจ้าตัวตอบเรื่องนี้ไว้ได้อย่างเฉียบคม
“อยากให้ทุกคนลองดูสถิติกันดี ๆ นะ คนที่แอสซิสต์ให้มาเน่มากที่สุดคือผมเอง” ซาลาห์ย้ำด้วยน้ำเสียงแน่นแฟ้น
เขายังแอบเหน็บเบา ๆ ว่า “ผมรู้แหละว่าคนชอบพูดอะไรที่มันเป็นพาดหัวได้ง่าย ๆ แต่พอเป็นเรื่องจริง มันกลับไม่มีใครพูดถึงเท่าไหร่”
“คนมีสิทธิ์คิดอะไรก็ได้ แต่ผมรู้ตัวว่าทำอะไรอยู่”
เมื่อถูกถามว่าเขารู้สึกยังไงกับเสียงวิจารณ์ที่ว่าเขาเล่นเพื่อตัวเองมากเกินไป ซาลาห์ตอบแบบใจเย็นว่า “ผู้คนมีสิทธิ์จะคิดในสิ่งที่พวกเขาต้องการ นั่นเป็นสิทธิของเขา”
แต่เขาก็ย้ำจุดยืนของตัวเองว่า “ตราบใดที่มันยังอยู่ในขอบเขตของความเคารพต่อกัน นั่นก็โอเคสำหรับผม แต่ไม่ได้แปลว่าความคิดเห็นนั้นจะเป็นเรื่องจริง”
“สุดท้ายแล้ว เมื่อมันจบลง ผมรู้ดีว่าผมทำอะไร และผมก็มั่นใจในจิตสำนึกของตัวเอง”
เบื้องหลังความสำเร็จ ไม่ใช่เรื่องง่าย
บทสัมภาษณ์นี้เผยให้เห็นอีกแง่มุมหนึ่งของโลกฟุตบอล ที่แฟนบอลอาจไม่เคยรู้มาก่อน ความสำเร็จที่เราเห็นกันในสนาม มันอาจต้องแลกมากับความไม่ลงรอยกันบ้างเบื้องหลัง
แต่สิ่งที่ทำให้ทีมประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เพราะนักเตะทุกคนรักกันหมดจด แต่เพราะพวกเขารู้หน้าที่ เคารพกัน และทำเพื่อเป้าหมายร่วมกัน
จากสามประสาน สู่ตำนานของลิเวอร์พูล
วันนี้ มาเน่ย้ายไปแล้ว ฟีร์มิโน่ก็ลาจากไปเช่นกัน เหลือเพียงซาลาห์ที่ยังคงแบกทีมไว้
แต่ไม่มีใครลืมช่วงเวลาทองของสามคนนี้ได้เลย และแม้จะมีดราม่าอยู่บ้าง มันก็ไม่ได้ลดคุณค่าความยิ่งใหญ่ที่พวกเขาสร้างไว้ในถิ่นแอนฟิลด์
สรุปส่งท้าย – ความจริงที่ไม่มีใครบอกคุณ
- ซาลาห์และมาเน่มีความตึงเครียดจริง แต่ยังคงรักษาความเป็นมืออาชีพไว้ได้
- นอกสนามอาจไม่สนิท แต่ในสนามต่างคนต่างทำหน้าที่เต็มที่
- ซาลาห์แอสซิสต์ให้มาเน่มากที่สุด เป็นข้อเท็จจริงที่หลายคนมองข้าม
- ความสำเร็จของทีมไม่ได้ต้องมีแค่ความรัก แต่ต้องมีความเคารพ
โลกฟุตบอลไม่ได้ขาวหรือดำ แต่เต็มไปด้วยสีเทา และนี่แหละที่ทำให้มันน่าติดตามไม่แพ้ละครเรื่องไหนในโลก
คุณคิดเห็นยังไงกับความสัมพันธ์ของซาลาห์กับมาเน่? ทีมที่ดีต้องมีแต่คนรักกันเสมอไปหรือเปล่า?
