ทิม ฮาเวิร์ด ชี้ ตระกูลเกลเซอร์ ลงทุนอย่างมหาศาล
“ผมมองว่า พวกเขาลงทุนมหาศาลกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และในท้ายที่สุดแล้ว การวิจารณ์เจ้าของทีมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกสโมสร หากคุณพิจารณาสถานการณ์ของ ยูไนเต็ด บ่อยครั้งจะเห็นว่ามันเป็นเพียงมุมมองด้านเดียว” ฮาเวิร์ด กล่าว
ทิม ฮาเวิร์ด อดีตนายทวารระดับตำนาน ได้ออกโรงแสดงความคิดเห็นในแนวทางที่ขัดกับกระแสหลัก โดยเลือกที่จะปกป้องตระกูลเกลเซอร์ เจ้าของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถูกเสียงวิพากษ์วิจารณ์และการประท้วงจากแฟนบอลอย่างหนัก
กระแสความไม่พอใจของแฟนบอลต่อ ตระกูลเกลเซอร์
นับตั้งแต่กลุ่มนักลงทุนชาวอเมริกันเข้ามาบริหาร “ปีศาจแดง” กระแสความไม่พอใจของแฟนบอลได้ปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเด็นเรื่องภาระหนี้สินที่สโมสรต้องแบกรับ ซึ่งส่งผลให้แฟนบอลแสดงออกถึงการต่อต้านผ่านสัญลักษณ์ “ผ้าพันคอสีเขียว-เหลือง” กระนั้น ฮาเวิร์ด มองว่าตระกูลเกลเซอร์เองก็ได้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่สโมสรไม่น้อยเช่นกัน

“ผมมองว่า พวกเขาลงทุนมหาศาลกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และในท้ายที่สุดแล้ว การวิจารณ์เจ้าของทีมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกสโมสร หากคุณพิจารณาสถานการณ์ของ ยูไนเต็ด บ่อยครั้งจะเห็นว่ามันเป็นเพียงมุมมองด้านเดียว” ฮาเวิร์ด กล่าว
“ตระกูลเกลเซอร์ ไม่ใช่แค่เจ้าของสโมสรฟุตบอลเท่านั้น แต่นี่คือธุรกิจเต็มรูปแบบ ผมพูดเรื่องนี้เสมอเพราะตัวผมเองก็เป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลเช่นกัน เมื่อคุณลงทุนหลายพันล้านเพื่อครอบครองกิจการ คุณย่อมมีสิทธิ์ในการบริหารจัดการตามแนวทางที่คุณเห็นสมควร”
“สุดท้ายแล้ว ผลลัพธ์จะเป็นตัวชี้วัดเองว่าการดำเนินธุรกิจนั้นประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่สิทธิ์ในการบริหารจัดการก็เป็นของคุณโดยสมบูรณ์ และแน่นอนว่าคำวิจารณ์ย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งทุกคนก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ดี”
“ผมคิดว่าพวกเขาได้อัดฉีดงบประมาณจำนวนมหาศาลเข้าไปในทีม และหากลองมองไปยังสโมสรอื่น อย่าง เอฟเวอร์ตัน ซึ่งอยู่ในสถานการณ์ที่ซับซ้อน นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่ใช้เงิน ตรงกันข้าม พวกเขาทุ่มงบมหาศาล แต่กลับถูกลงโทษหักคะแนนจากกฎระเบียบ พีเอสอาร์ (PSR)”
“สำหรับตระกูลเกลเซอร์ พวกเขาได้ใช้ทรัพยากรไปมากมาย หากพิจารณาถึงขุมกำลังของทีม และจำนวนเงินที่ใช้ซื้อนักเตะอย่าง เจดอน ซานโช่, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ รวมถึงผู้เล่นระดับท็อปคนอื่น ๆ คำถามสำคัญคือ เงินเหล่านั้นถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่าหรือไม่? ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าตระกูลเกลเซอร์เป็นผู้ตัดสินใจในทุกดีลหรือเปล่า นั่นคืออีกหนึ่งปริศนาที่รอคำตอบอยู่”