
ลูก้า โมดริช มิดฟิลด์จอมเก๋าเรอัล มาดริด เข้าซื้อหุ้นในสโมสรสวอนซี ซิตี้ หวังวางแผนอนาคตหลังแขวนสตั๊ด พร้อมเผยพร้อมใช้ประสบการณ์ช่วยผลักดันทีมสู่ความสำเร็จ
ลูก้า โมดริช เข้าซื้อหุ้นสโมสรสวอนซี ซิตี้ เตรียมวางแผนอนาคตหลังแขวนสตั๊ด
ลูก้า โมดริช มิดฟิลด์วัย 39 ปีของ เรอัล มาดริด เตรียมวางแผนอนาคตหลังเลิกเล่นฟุตบอล ด้วยการเข้าซื้อหุ้นส่วนน้อยในสโมสรสวอนซี ซิตี้ ทีมในแชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ
แม้สัญญากับ “ราชันชุดขาว” จะหมดลงเมื่อจบฤดูกาลนี้ แต่ดาวเตะทีมชาติโครเอเชียยังคงมีความเคลื่อนไหวในโลกฟุตบอล โดยล่าสุดเขาได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของสวอนซี ซิตี้ ซึ่งเขาจะไม่มีอำนาจควบคุมการบริหารโดยตรง
โมดริชได้เข้าร่วมกับกลุ่มนักลงทุนที่ประกอบด้วย แอนดี้ โคลแมน, เบร็ตต์ คราวัตต์, ไนเจล มอร์ริส และนักธุรกิจเจสัน โคเฮน ซึ่งเข้ามาซื้อกิจการต่อจากเจสัน เลเวียน และสตีฟ คาปแลน อดีตเจ้าของสโมสรเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังทั้งคู่บริหารทีมยาวนาน 8 ปี ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งเรื่องการตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก การลงทุนที่จำกัด และการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมบ่อยครั้ง โดยล่าสุด ลุค วิลเลียมส์ เพิ่งแยกทางกับทีมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์
โมดริชกล่าวถึงการตัดสินใจครั้งนี้ว่า “นี่เป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้นมาก สวอนซีมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน ฐานแฟนบอลที่ยอดเยี่ยม และความทะเยอทะยานที่จะกลับไปแข่งขันในระดับสูงสุด ผมเชื่อว่าประสบการณ์ของผมในระดับสูงจะช่วยผลักดันสโมสรให้เติบโต และสร้างอนาคตที่น่าตื่นเต้นได้”

สโมสรสวอนซีกล่าวเพิ่มเติมว่า “การเข้าร่วมของลูก้า ถือเป็นการสนับสนุนความทะเยอทะยานและวิสัยทัศน์ของสโมสร เขาจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้สโมสรเป็นที่รู้จักในระดับโลก และพัฒนาทั้งในและนอกสนาม”
แม้จะเริ่มต้นบทบาทใหม่ในฐานะเจ้าของร่วม แต่โมดริชยังคงเป็นผู้เล่นของเรอัล มาดริดต่อไปในช่วงสุดท้ายของฤดูกาลนี้ โดยนี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาก้าวเข้าสู่แวดวงการบริหารทีมฟุตบอล
สำหรับสวอนซี ซิตี้ ปัจจุบันรั้งอันดับ 12 ของตารางแชมเปี้ยนชิพ และแม้จะเคยเสี่ยงตกชั้น แต่ผลงานของทีมเริ่มกระเตื้องขึ้นภายใต้การคุมทีมของโค้ชชั่วคราว อลัน ชีแฮน โดยพวกเขาชนะ 3 นัดติดล่าสุด รวมถึงการบุกชนะซันเดอร์แลนด์ 1-0 ที่กำลังลุ้นเลื่อนชั้น
ทั้งนี้ โมดริชเคยดวลกับสวอนซีมาแล้ว 2 ครั้ง สมัยค้าแข้งกับท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ โดยเสมอ 1-1 ที่สนามลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยมในเดือนธันวาคม 2011 และชนะ 3-1 ในเดือนเมษายน 2012 ที่ไวท์ ฮาร์ท เลน
ที่มา https://www.independent.co.uk