
เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ต่อสัญญาใหม่กับลิเวอร์พูลอย่างเป็นทางการ พร้อมลุยศึกฤดูกาลหน้าในยุคของอาร์เน่ สลอต เสริมแกร่งทีมลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกเต็มตัว
เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ต่อสัญญาฉบับใหม่กับลิเวอร์พูล เสริมความแกร่งลุยฤดูกาลหน้า
กัปตันทีมคนสำคัญของลิเวอร์พูล “เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค” ตัดสินใจต่อสัญญาฉบับใหม่กับสโมสรอย่างเป็นทางการแล้ว ร่วมเดินหน้าในยุคของกุนซือ อาร์เน่ สลอต ต่อไป หลังจากเพื่อนร่วมทีมอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เพิ่งขยายสัญญาออกไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ลิเวอร์พูล ยืนยันว่ากองหลังระดับตำนานอย่าง ฟาน ไดจ์ค ได้เซ็นสัญญาใหม่เป็นระยะเวลา 2 ปี เพื่อสานต่อเส้นทางความสำเร็จและเตรียมพร้อมสำหรับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลหน้าอย่างมั่นคง
ก่อนหน้านี้ ทั้งฟาน ไดจ์คและซาลาห์ต่างอยู่ในสถานการณ์ไม่แน่นอนเรื่องอนาคตในถิ่นแอนฟิลด์ แต่ในที่สุดทั้งคู่ก็เลือกที่จะปักหลักอยู่กับสโมสร แม้ว่าจะมีข้อเสนอจากหลายทีมทั่วโลกที่พร้อมทุ่มค่าเหนื่อยมหาศาล โดยเฉพาะจากซาอุดิอาระเบียที่พยายามดึงตัวไปร่วมทัพอย่างต่อเนื่อง

แต่ฟาน ไดจ์คแสดงจุดยืนชัดเจนว่า “การคว้าแชมป์ในอังกฤษและยุโรปยังเป็นเป้าหมายสูงสุดของเขา” การต่อสัญญาครั้งนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของทีมภายใต้การคุมทีมของอาร์เน่ สลอต ที่จะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับสโมสรได้อีกครั้ง
ฟาน ไดจ์ค นับว่าเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดตลอดกาลของลิเวอร์พูล นับตั้งแต่ย้ายมาจากเซาแธมป์ตันด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติโลกในเวลานั้น เขาก็กลายเป็นกำลังหลักที่ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกในปี 2019 และพรีเมียร์ลีกในปี 2020
หลังจากจอร์แดน เฮนเดอร์สันย้ายออกจากทีมในปี 2023 ฟาน ไดจ์คก็ได้รับปลอกแขนกัปตันทีม และยังเป็นเป้าหมายสำคัญของทีมจากซาอุดิอาระเบียเช่นกันในช่วงเวลานั้น

ลิเวอร์พูลอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์เกือบทุกฤดูกาลตั้งแต่ฟาน ไดจ์คกลายเป็นตัวจริงของทีม โดยเฉพาะในฤดูกาล 2020-21 ที่ทีมมีผลงานตกลงอย่างเห็นได้ชัด หลังจากเขาได้รับบาดเจ็บหนักที่หัวเข่าและต้องพักยาวถึง 7 เดือน
แม้จะมีช่วงเวลาที่ผลงานไม่คงเส้นคงวาในฤดูกาล 2022-23 แต่เขาก็สามารถกลับคืนฟอร์มเก่งได้ในฤดูกาลถัดมา และยังคงเป็นแกนหลักในแนวรับของลิเวอร์พูลมาจนถึงปัจจุบัน
การตัดสินใจอยู่กับลิเวอร์พูลต่อไปของเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ไม่เพียงแต่เพิ่มความมั่นใจให้กับแฟนบอล แต่ยังเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการสร้างทีมในยุคใหม่ ที่เป้าหมายคือการคว้าแชมป์ทั้งในประเทศและเวทียุโรป
ที่มา https://www.telegraph.co.uk